วันเสาร์ที่ 11 กันยายน 2564 คริสตัล พาเลซ – ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ (18:30 น.)
พาเลซ อาจจะให้ทั้ง อ๊อดซอนน์ เอดูอาร์ และ มิเชล โอลิเซ่ สองแข้งใหม่ได้ลงประเดิมสนามหนแรกในเกมนัดนี้
ลูก้า มิลิโวเยวิช กัปตันทีมก็อาจจะได้ลงเล่นเกมแรกของฤดูกาลด้วย กระนั้น เจฟฟรีย์ ชลุปป์ พบกับปัญหาเจ็บแฮมสตริงและจะไม่ถูกเสี่ยงลงสนาม
สเปอร์ส จะไม่มีทั้ง โจวานี่ โล เซลโซ่, คริสเตียน โรเมโร่ และ ดาวินซอน ซานเชซ หลังทั้งสามคนต้องกักตัวตามมาตรการป้องกันโควิดเพราะไปเล่นให้ทีมชาติมา
ซน ฮึง มิน ก็ต้องรอดูอาการเพราะเจ็บน่องมาจากทีมชาติ แถม โอลิเวอร์ สกิปป์, สตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น และ ไรอัน เซสเซยง ต่างบาดเจ็บเลยต้องรอประเมินความพร้อม
เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– พาเลซ หาชัยชนะไม่เจอจากการเจอกับ สเปอร์ส มา 12 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
– พวกเขายังเอาชนะ สเปอร์ส ได้เพียงแค่หนเดียวจาก 16 เกมในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่เลื่อนชั้นคืนสู่พรีเมียร์ลีกในปี 2013
เบน ฟรีคิกฟันธง : สเปอร์ส ชนะ 2-0
อาร์เซน่อล – นอริช ซิตี้ (21:00 น.)
อาร์เซน่อล ต้อนรับนักเตะอย่าง กาเบรียล มากัลเญส, โธมัส ปาร์เตย์, เอ็ดดี้ เอ็นเคเตียห์ และ เบน ไวท์ กลับมาลงซ้อมพร้อมคืนสนาม
เอมิล สมิธ โรว์ ยังไม่แน่นอนเพราะมีอาการป่วย ส่วน โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ บาดเจ็บแฮมสตริงรวมถึง กรานิท ชาก้า ก็ติดโทษแบนแถมติดโควิด
นอริช เองจะไม่มี คริสตอปห์ ซิมเมอร์มันน์ และ ดิมิทริส จานนูลิส ที่ต่างพบกับอาการบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่
เคนนี่ แม็คลีน กลับมาลงซ้อมแล้วขระที่ ชริสตอส โซลิส พร้อมสำหรับการลงเล่น
เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– อาร์เซน่อล ไม่แพ้ให้กับ นอริช จากการเจอกันมา 7 เกมลีกหลังสุดและแพ้ไปเพียงแค่ 2 จาก 18 เกมที่พบกัน (ชนะ 9 เสมอ 7)
– กระนั้นหาก อาร์เซน่อล แพ้อีกก็จะทำให้พวกเขาทาบสถิติสโมสรที่แพ้ 4 เกมแรกของฤดูกาล ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1923
เบน ฟรีคิกฟันธง : อาร์เซน่อล ชนะ 3-0
เบรนท์ฟอร์ด – ไบรจ์ตัน (21:00 น.)
โธมัส แฟรงค์ เฮดโค้ชของ เบรนท์ฟอร์ด ยืนยันว่า แฟรงค์ ออนเยก้า พร้อมสำหรับการลงเล่นช่วยทีม ให้หลังจากพลาดเกมเสมอกับ วิลล่า ไปเพราะติดโควิด
อย่างไรก็ตาม เขาจะยังขาดทั้ง จอช ดาซิลวา และ แมดส์ โซเรนเซ่น
ไบรจ์ตัน อาจจะให้นักเตะใหม่อย่าง มาร์ก คูคูเรญ่า ลงประเดิมสนามในเกมนี้ ในขณะที่ ซอลลี่ มาร์ช ก็ฟื้นตัวจากอาการเจ็บแฮมสตริงแล้ว
อารอน คอนนอลลี่ น่าจะฟิตพอลงสนามถึงแม้มีอาการเจ็บเล็กน้อยและ เยอร์เก้น โลคาเดีย ก็มีลุ้นได้ลงเล่นเหมือนกัน
เบน ฟรีคิกฟันธง : ไบรจ์ตัน ชนะ 1-0
เลสเตอร์ ซิตี้ – แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (21:00 น.)
เลสเตอร์ จะจับตาดูความพร้อมของ จอนนี่ อีแวนส์ กับ ยานนิค เวสเตอร์การ์ด สองกองหลังที่ฟื้นตัวกลับมาจากอาการเจ็บ ส่วนทางด้าน อเดโมล่า ลุคแมน ก็อาจได้ลงประเดิมสนาม
ริคาร์โด้ เปเรย์ร่า น่าจะลงสนามได้ถึงแม้มีปัญหาเกี่ยวกับแฮมสตริง ขณะที่ ไรอัน เบอร์ทรานด์ ผ่านการทดสอบความฟิต ถึงอย่างนั้น อโยเซ เปเรซ ยังคงติดโทษแบน
แมนฯ ซิตี้ ยังต้องรอฟังข่าวว่า เอแดร์ซอน กับ กาเบรียล เชซุส จะลงสนามได้หรือไม่ หลังจากที่บราซิลร้องฟีฟ่าเพื่อห้ามพวกเขาจากการลงเล่นเพราะไม่ได้เดินทางไปช่วยทีมชาติ
แซ็ค สเตฟเฟ่น ก็ติดโควิดนั่นหมายความว่า สก็อตต์ คาร์สัน นายด่านมือสามอาจจะต้องลงเฝ้าเสา ส่วน เควิน เดอ บรอยน์ กลับมาซ้อมและอาจได้คัมแบ็ค ขณะที่ ฟิล โฟเดน ยังไวไปที่จะคืนสนามเกมนี้
เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– ไม่มีเกมไหนออกมาเสมอเลยจากที่ทั้งสองทีมเจอกันมา 11 เกมหลังสุดในลีก โดย เลสเตอร์ ชนะ 4 นัดและ แมนฯ ซิตี้ ชนะไป 7 เกม
– กระนั้น แมนฯ ซิตี้ อาจบุกไปเอาชนะ เลสเตอร์ ได้เป็นนัดที่ 3 ติดต่อกันในลีก
เบน ฟรีคิกฟันธง : แมนฯ ซิตี้ ชนะ 2-1
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (21:00 น.)
แฟนบอลของ แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมจะได้ยลโฉม คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ในเกมนี้หลัง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ยืนยันว่าเขาจะได้มีส่วนร่วม
เจดอน ซานโช ถอนตัวจากทีมชาติอังกฤษเพราะเจ็บเล็กน้อยแต่ก็ฟิตแล้ว ขณะที่ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ อาจจะกลับมาในเกมนี้ แต่ในรายของ เฟรด ยังต้องรอดูว่าจะได้ลงสนามหรือไม่เพราะเป็นหนึ่งในนักเตะที่บราซิลขอฟีฟ่าให้ห้ามลงสนาม
นิวคาสเซิ่ล เองจะไม่มีทั้ง คัลลัม วิลสัน รวมถึง ไรอัน เฟรเซอร์ ให้ลงสนามเพราะบาดเจ็บต้นขาและข้อเท้าตามลำดับ
คาร์ล ดาร์โลว์ จะได้รับการประเมินความพร้อมหลังฟื้นตัวจากโควิด ส่วนทางด้าน มิเกล อัลมิรอน นั้น สตีฟ บรูซ ยืนยันว่าจะลงสนามได้แม้เอฟเอปารากวัยขู่จะให้ฟีฟ่าแบนเช่นกัน
เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– หนเดียวที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้คาบ้านต่อ นิวคาสเซิ่ล ในเกมลีก 36 นัดหลังสุดต้องย้อนไปเดือนธันวาคม 2013 (ชนะ 26 เสมอ 9)
– เมสัน กรีนวูด อาจกลายเป็นนักเตะดาวรุ่งรายที่ 4 ที่ยิงประตู 4 เกมติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก ตามรอย ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, นิโคลาส์ อเนลก้า และ ฟรานซิส เจฟเฟอร์ส
เบน ฟรีคิกฟันธง : แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 3-0
เซาแธมป์ตัน – เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (21:00 น.)
ธีโอ วัลคอตต์ ไม่พร้อมที่จะลงสนามให้กับ เซาแธมป์ตัน เนื่องจากมีปัญหาเจ็บเล็กน้อย
ส่วนในรายของ สจวร์ต อาร์มสตรอง กับ วิล สมอลโบน ยังต้องพักรักษาตัวต่อไปและ เชน ลอง ก็หมดสิทธิ์ลงเล่นเหมือนกันเนื่องจากติดโควิด
เวสต์แฮม ไม่ได้ปรับไลน์อัพตัวจริงเลยจาก 3 เกมแรกของฤดูกาล แต่พวกเขาอาจให้นักเตะใหม่อย่าง เคิร์ท ซูม่า, นิโคล่า วลาซิช และ อเล็กซ์ คราล ได้ลงเล่น
อาร์ตูร์ มาซูอาคู หายจากอาการเจ็บเข่ากลับมาลงซ้อมอีกครั้งแต่ก็ต้องจับตาดูความฟิตกันต่อไป
เบน ฟรีคิกฟันธง : เสมอ 1-1
วัตฟอร์ด – วูลฟ์ส (21:00 น.)
วัตฟอร์ด จะไม่มี ฟรานซิสโก้ เซียร์ราลต้า กองหลังชาวชิลีหากฟีฟ่าเลือกสั่งห้ามนักเตะลงสนามเพราะสโมสรไม่ยอมให้เดินทางไปช่วยทีมชาติ
เจา เปโดร อาจจะได้กลับมาลงเล่นจากที่พบกับอาการเจ็บหัวเข่าเมื่อสองเดือนก่อน ส่วนทางด้าน โอซาน ตูฟาน แข้งใหม่อาจได้ประเดิมสนาม
วูลฟ์ส เองยิ้มออกเพราะ ราอูล ฮิเมเนซ ลงสนามได้แล้วหลังเม็กซิโกยอมถอนคำร้องต่อฟีฟ่าที่ขัดขวางเขาจากการลงสนาม
นอกนั้น จอนนี่, เปโดร เนโต้ และ อูโก้ บูเอโน่ ต่างหมดสิทธิ์ที่จะลงเล่น
เบน ฟรีคิกฟันธง : วูลฟ์ส ชนะ 1-0
เชลซี – แอสตัน วิลล่า (23:30 น.)
เชลซี จะได้ โรเมลู ลูกากู ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บกลับมา แต่ในรายของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กับ คริสเตียน พูลิซิช ต้องพักรักษาตัวต่อไป
ธิอาโก้ ซิลวา อาจจะพลาดเกมนี้เพราะฟีฟ่าเข้ามาขัดขวางพวกเขา ในขณะที่ รีซ เจมส์ ติดโทษแบนไม่ได้ลงเล่นแน่นอน
วิลล่า เองจะไม่มี เอมี่ มาร์ติเนซ รวมถึง เอมี่ บูเอนเดีย ให้ใช้งานเพราะทั้งสองคนต้องรับการกักตัวเองหลังเดินทางกลับมาจากทีมชาติ
เลออน ไบลีย์, จอห์น แม็คกินน์ และ เจค็อบ แรมซี่ย์ ลงเล่นได้ ในขณะที่ เบอร์ทรานด์ ตราโอเร่ ก็กลับมาลงซ้อมแล้ว
เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– เชลซี แพ้เพียงแค่เกมเดียวจาก 16 นัดหลังสุดที่เปิดรังเหย้าเจอกับ วิลล่า ในพรีเมียร์ลีก (ชนะ 11 เสมอ 4)
– เชลซี อาจกลายเป็นสโมสรที่ 2 ต่อจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่คว้าชัยชนะในพรีเมียร์ลีกได้ 600 นัด
เบน ฟรีคิกฟันธง : เชลซี ชนะ 2-1